
เป็นที่รู้กันว่าภาวะมีบุตรยาก เป็นปัญหาที่พบได้ในทุกครอบครัว และยังมีโอกาสที่ปัญหานี้จะพบมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะอายุที่มากขึ้นเป็นหนึ่งในปัจจัยของภาวะการมีบุตรยาก หากปล่อยไว้นานโดยไม่ได้รับการแก้ไข อาจส่งผลรุนแรงจนเป็นปัญหาระดับชาติได้ เนื่องจากอัตราการเกิดต่ำลง ทำให้ประเทศขาดแคลนแรงงานในการขับเคลื่อนความก้าวหน้าให้ประเทศ ไม่ว่าจะภาคเกษตรกรรม อุตสากรรม ธุรกิจเกือบทุกภาคส่วน
ที่นี้เราเริ่มเห็นเเล้วภาวะมีบุตรยากนั้นร้ายแรงแค่ไหน แต่วงการแพทย์ก็ได้คิดค้นวิธีการแก้ปัญหานี้ ซึ่งก็คือ การผสมเทียม และหนึ่งในการผสมเทียมที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด และมีโอกาสสำเร็จมากที่สุด ก็คือ การทำเด็กหลอดแก้ว
เด็กหลอดแก้ว การผสมเทียมที่มีประสิทธิภาพ
การผสมเทียมนั้นมีอยู่ด้วยมากมายหลายแบบ เพราะมันทุกคิดค้นมาหลายยุค หลายสมัย ทำให้ปัจจุบันการรักษาภาวะมีบุตรยาก มีอยู่ด้วยกันหลายแบบ และหนึ่งในนั้นคือ การทำเด็กหลอดแก้ว ซึ่งเด็กหลอดแก้วคนแรกของโลกได้กำเนิดขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2521 ประเทศอังกฤษ
หลักการของการทำเด็กหลอดแก้ว คือ การ สร้างกระบวนการปฏิสนธินอกร่างกาย เพื่อให้เกิดตัวอ่อนก่อน โดยการเก็บเซลล์อสุจิจากฝ่ายชาย และเซลล์ไข่จากฝ่ายหญิงมาทำกัารผสมกัน จากนั้นจึงค่อยนำตัวอ่อนกลับเข้าไปในครรภ์ของฝ่ายหญิง ซึ่งการทำเด็กหลอดแก้วนั้นสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 แบบ คือ IVF และ ICSI (อิ๊กซี)
เด็กหลอดแก้ว IVF และ ICSI ต่างกันอย่างไร ?

ในภาพรวมแล้ว ขั้นตอนของการทำเด็กหลอดแก้ว IVF และ ICSI แทบจะเหมือนกันเกือบทุกข้อ มีความต่างอยู่ข้อเดียวเท่านั้น คือ ขั้นตอนในเร่งกระบวนการปฏิสนธิ โดยมีรายละเอียด ดังนี้
- IVF (In-vitro Fertilization) คือ การทำเด็กหลอดแก้ว โดยนำเซลล์อสุจิและไข่ออกมาจากร่างกายมาผสมกัน โดยให้ปฏิสนธิกันเองตามธรรมชาติ
- ICSI (Intracytoplasmic Sperm Injection) หรือภาษาไทยอ่านว่า อิ๊กซี่ คือ การทำเด็กหลอดแก้ว เช่นกัน แต่คัดเซลล์อสุจิที่แข็งแรงฉีดเข้าไปผสมกับไข่โดยตรง ให้เกิดกรปฏิสนธิเลย โดยไม่ต้องรอวิธีแบบธรรมชาติ
การทำเด็กหลอดแก้ว ICSI เหมาะกับคนกลุ่มไหน
โดยเราจะมาเจาะลึกในส่วนของการทำเด็กหลอดแก้ว ICSI ว่าเหมาะกับคนกลุ่มไหนบ้าง ซึ่งการทำอิ๊กซี่ แทบจะครอบคลุมทุกปัญหาของภาวะมีบุตรยากได้เลย โดยกลุ่มคนที่เหมาะกับการทำอิ๊กซี จะมีอยู่ดังนี้
ฝ่ายหญิง
มีอายุ 35 ปีขึ้นไป ซึ่งเป็นวัยที่เซลล์ไข่เริ่มเสื่อมสภาพ มีความเสี่ยงที่ลูกอาจมีความผิดปกติทางพันธุกรรมได้ นอกจากนี้ยังมีอาการภาวะไข่ตกผิดปกติ ไข่มีเปลือกหนาจนอสุจิไม่สามารถเจาะเข้าไปทำการปฏิสนธิได้ และสุดท้ายคือ มีอาการท่อนำไข่ตีบหรือท่อนำไข่อุดตัน ซึ่งทำให้อสุจิไม่สามารถว่ายเข้าไปยังไข่ได้
ฝ่ายชาย
มีปัญหาการแข็งตัวของอวัยวะเพศ ทำให้ไม่สามารถมีเพศสัมพันธ์ได้ เซลล์อสุจิในน้ำเชื้อมีน้อย และเซลล์อสุจิไม่สมบูรณ์แข็งแรง ท่อนำอสุจิอุดตันทำให้น้ำเชื้อไม่สามารถหลั่งออกมาได้ในปริมาณที่มากพอ แม้แต่ผู้ที่ทำหมันไปเเล้วแต่เปลี่ยนใจอยากมีลูก ก็ยังสามารถมีลูกได้
ขั้นตอนการทำเด็กหลอดแก้ว ICSI
เมื่อได้ทราบแล้วว่าเคสไหนบ้างที่เหมาะกับการทำ ICSI ข้อมูลนี้จะช่วยให้ตัดสินใจได้ว่าจะลองทำเด็กหลอดแก้วดูไหม สำหรับคนที่สนใจแล้ว เราลองมาดูขั้นตอนคร่าวๆว่าการทำเด็กหลอดแก้ว ICSI ต้องทำอะไรบ้าง

1. การปรึกษาแพทย์
การพบแพทย์ เพื่อประเมินอาการเบื้องต้นว่ามีอะไรบ้าง เพื่อจะได้เลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสมกับตัวเองที่สุด
2. การฉีดยากระตุ้นไข่
- ฉีดยาตัวแรก (Recombinant FSH) เป็นการฉีดเบื้องต้นเพื่อกระตุ้นไข่หลายๆใบก่อน
- ฉีดยาตัวที่สอง (GnRH antagonist) เป็นการฉีดเพื่อป้องกันไม่ให้ไข่ตกก่อนเวลา โดยต้องตรวจดูการเจริญเติบโตของไข่ไปด้วยผ่านทางการอัลตราซาวด์
- ฉีดยาตัวที่สาม (hCG) เป็นการฉีดเพื่อให้ไข่สุกพร้อมๆกัน และให้ไข่ตกในอีก 36 ชั่วโมง
- การเก็บไข่ สามารถเก็บผ่านทางช่องคลอด โดยใช้กล้องจุลทรรศน์ตรวจหาไข่ก่อน แล้วดูดของเหลวออกมา จากนั้นนำเซลล์ไข่ที่อยู่ในของเหลว ออกมาทำการเพาะเลี้ยงในน้ำยาพิเศษ เพื่อรอขั้นตอนต่อไป
- การคัดแยกอสุจิ การเก็บน้ำเชื้อใส่ในภาชนะปลอดเชื้อ จากนั้นส่งไปคัดแยกเซลล์อสุจิออกจากน้ำอสุจิ และหาเซลล์อสุจิที่แข็งแรงสมบูรณ์จำนวนหนึ่ง
แพทย์จะเลือดคัดเลือกอสุจิที่แข็งแรงที่สุดและฉีดเข้าไปผสมกับไข่โดยตรง เพื่อให้ได้ตัวอ่อน
5. การเลี้ยงตัวอ่อน
หลังจากได้ตัวอ่อนมาแล้วก่อนนำกลับเข้าไปในครรภ์ ต้องทำการเลี้ยงตัวอ่อนเพื่อให้มีการแบ่งเซลล์จนมีความพร้อม โดยจะเลี้ยงอยู่ในตู้ควบคุมอุณหภูมิ เพื่อปรับควบคุมอุณหภูมิให้เหมาะสมต่อการแบ่งเซลล์
6. การย้ายตัวอ่อน
ทำการอัลตราซาวด์เพื่อดูสรีระโดยรวมของคุณแม่ เพื่อหาตำแหน่งที่เหมาะสมในการฝังตัวอ่อน จากนั้นค่อยนำตัวอ่อนไปฝังไว่บริเวณเยื่อบุโพรงมดลูก
7. ตรวจการตั้งครรภ์
คอยติดตามการเจริญเติบโตของตัวอ่อนในครรภ์ ตามที่แพทย์ได้นัดไว้
การเตรียมตัวก่อนทำเด็กหลอดแก้ว
แม้ว่าอัตราความสำเร็จจากการทำเด็กหลอดแก้วจะสูงอยู่แล้ว แต่การเตรียมร่างกายให้พร้อมก่อนเข้ากระบวนการก็เป็นอีกส่วนที่ช่วยเพิ่มความสำเร็จได้ โดยมันก็เป็นการดูแลสุขภาพทั่วไป ซึ่งทั้งฝ่ายชาย และหญิง สามารถทำได้เหมือนกัน
- ทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ เน้นอาหารที่มีสรรพคุณในการช่วยบำรุงร่างกาย
- นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
- บริหารจัดการอารมณ์ตัวเองให้ดี ไม่ต้องเครียด หรือวิตกกังวลในการเข้ากระบวนการ
- งบการสูบบุหรี่
- งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
- งดการมีเพศสัมพันธ์ก่อนเริ่มกระบวนการ 7 วัน
ข้อปฏิบัติหลังจากเสร็จสิ้นกระบวนการทำเด็กหลอดแก้ว จะไปอยู่ที่ฝ่ายหญิง ให้พึงระลึกว่าตัวเองตั้งครรภ์แล้ว คอยดูแลรักษาสุขภาพตนเอง และระวังการกระทบกระเทือน โดยข้อปฏิบัติทั้งหมดที่ว่าที่คุณแม่ควรทำมีดังนี้
- หลังจากเสร็จขั้นตอนการฝังตัวอ่อนในมดลูกแล้ว ควรนอนพักที่นั่นเลยเป็นเวลา 1 - 2 ชั่วโมงก่อน ถึงค่อยกลับบ้าน
- นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
- ไม่ทำงานหนักเป็นเวลา 2 - 3 วัน หลังจากการฝังตัวอ่อน
- งดการออกกำลังกายหนักๆ
- หลีกเลี่ยงการเคลื่อนไหวที่จะจะส่งผลกระทบกระเทือนไปถึงช่วงท้อง
- รับประทานอาหารที่ย่อยง่าย งดอาหารที่อาจทำให้ท้องเสียหรือท้องผูก เพราะจะทำให้ต้องเกร็งหน้าท้อง
- รับประทานยาตามแพทย์สั่งให้ครบ

ค่าใช้จ่ายการทำเด็กหลอดแก้วโดยประมาณอยู่ที่ 175,000 บาท แต่ราคานี้ก็ไม่ใช่ราคาที่นิ่ง ขึ้นอยู่กับตัวผู้เข้ารับกระบวนการ ว่าภาวะการมีบุตรยากของเขารุนแรงเเค่ไหน อย่างไรก็ตามแม้ว่าราคาของ การทำเด็กหลอดแก้วอาจสูงกว่าการผสมเทียมแบบอื่นๆ แต่ก็มั่นใจได้ว่า โอกาสที่จะประสบความสำเร็จก็สูงกว่าการผสมเทียมแบบอื่นเช่นกัน
การเลือกสถานที่สำหรับการทำเด็กหลอดแก้วทั้ง IVF และ ICSI
การทำเด็กหลอดแก้วเป็นกระบวนการสำคัญที่ช่วยรักษาภาวะมีบุตรยาก ดังนั้นเราจำเป็นต้องเลือกผู้ที่มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในการรักษา โดยทางเราขอแนะนำ ศูนย์รักษาผู้มีบุตรยาก Beyond IVF ที่มีประสบการณ์ในการรักษาอย่างยาวนาน มีเคสที่รักษามาแล้วจำนวนมาก โดย Beyond IVF มีแพทย์มากประสบการณ์ คุณวุฒิพร้อม และอุปกรณ์ที่ทันสมัยมากมาย มั่นใจได้เลยว่า ทุกขั้นตอนการทำเด็กหลอดแก้ว จะทำได้อย่างมีประสิทธืภาพ และถูกสุขลักษณะ
คำถามที่คนมักสงสัย
ทำเด็กหลอดแก้ว เลือกเพศได้ไหม ?
การผสมเทียมทุกแบบรวมไปถึงการทำเด็กหลอดแก้ว ไม่สามารถเลือกเพศได้
ทำเด็กหลอดแก้ว ทำเด็กแฝดได้ไหม ?
มีโอกาส 30 - 35% ที่จะได้ลูกแฝดจากการทำเด็กหลอดแก้ว แต่ในการทำการเด็กหลอดแก้ว การมีลูกแฝดถือว่ามีความเสี่ยง แพทย์จึงไม่ค่อยแนะนำ
โอกาสและความเสี่ยงในการทำเด็กหลอดแก้ว ?
มีโอกาสเฉลี่ยประมาณ 30-35% ที่จะตั้งท้องได้ ไม่มีความเสี่ยงใดๆ เพราะว่าการปฏิสนธินั้นทำนอกร่างกาย
สรุป
หากยังกังวลกับภาวะมีบุตรยาก ทำให้ไม่สามารถที่จะสร้างครอบครัวที่สมบูรณ์ได้ ก็อย่าเพิกเฉยกับปัญหา หาวิธีการแก้ที่มีประสิทธิภาพ เพราะการผสมเทียมที่จะช่วยแก้ปัญหาก็มีอยู่หลายวิธีให้เลือก ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ การทำเด็กหลอดแก้ว มั่นใจได้เลยว่า ปัญหาภาวะมีบุตรยากที่รุมเร้าอยู่ จะได้รับการรักษอย่างแน่นอน
ขอขอบคุณข้อมูลทั้งหมดจากเว็ปไซต์ https://beyondivf.com/icsi-ivf-beyondivf/